วันพฤหัสบดีที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2558

EDEN LAKE (2008) นรกยาวชั่วโมงครึ่ง

มีหลายเหตุผลที่จะเลือกหนังมาดูช่วงบ่าย
พร้อมกับข้าวกล่องเซเว่นที่เวฟมาร้อนๆ 
หนักเบาไม่เกี่ยวกับวันนี้ ...ก็เลยเลือกดู Eden Lake
ที่มีรุ่นพี่เคยแนะนำว่า ลุ้นแน่นอน อะดรีนาลีนหลั่ง 55
ตามนั้น ...ก็เลยเปิดดูคู่กับอาหารกลางวันซะเลย



ดีนะกินหมดก่อนมันจะขับรถไปถึงทะเลสาบ







คุณอาจเคยได้ยินคำพูดล้อเลียนหนังสยองขวัญว่า
การกระทำโง่ๆ ของตัวละครมักนำไปสู่ความซวย
ทริปนี้ก็เช่นกัน สตีฟกับเจนคู่รักข้าวใหม่ปลามัน(?)
ไปเที่ยวกันที่ทะเลสาบที่สตีฟเคยชอบไป



แต่... พอไปถึง "อีเดนเลคบ้าอะไรวะ?" (สตีฟ, 2008) 



เกริ่น : ถ้ายังไม่ได้ดู แล้วถามว่าดูดีมั้ย ? ดีนะ ดูเพลินๆ 
แรกๆ ให้ความรู้สึกอยากรู้อยากเห็น พอหลังๆ ก็ลุ้นไปกับตัวละคร
ไล่ล่ากันในป่า มีเลือด มีแผล ...แล้วชอบมั้ยล่ะ?
ชอบก็ดู ไม่ต้องคิดอะไรมาก ตัวหนังอาจจะไม่เมคเซ้นส์มากในบางฉาก
แต่ก็กลบด้วยประเด็นอื่นๆ จนดูไม่น่าเกลียด บาทเดียวดูเพลิน



IMDB: 6.9/10



เราอาจเคยชินกับพฤติกรรม เดินหน้าไปไม่มีถอยหลังในหนัง
แต่ชีวิตจริงคิดว่าคงจะไม่ใช่แบบนั้นหรอกเนอะ ...



วันหยุดที่แสนสบาย เขาและเธอได้ตัดสินใจไปเที่ยวกันในที่ๆ หนึ่ง
ซึ่งครั้งหนึ่งสตีฟเคยไปและชอบที่นั่นมากๆ เขาก็อยากให้เธอได้ไปอยู่ด้วยกัน
แต่ว่า ...พอขับรถมาถึงเมืองๆ นี้ ก็รู้สึกได้ถึงบรรยากาศแปลกๆ 
ผู้คนที่ไม่เป็นมิตร ผู้ปกครองปล่อยให้ลูกออกมาเล่นโหวกเหวกกลางดึก
การสั่งสอนลูกในรูปแบบที่ไม่ควรจะเป็น 







เลือกจะปล่อยวางแล้วไปยัง ทะเลสาบ ที่เป็นเป้าหมายเช่นเดิม
โดยเดิมที่จากที่สตีฟบอกมันเคยเป็น เหมืองอะไรซักอย่าง มาก่อน
แต่เขาก็ไม่รู้ว่าตอนนี้มันได้เปลี่ยนเป็น Eden Lake แล้ว 
เมื่อไปถึงชายหาด ก็เป็นเวลาของ ชายหญิง จู๋จี๋ สวีวี่วี กันตามปกติ(รึเปล่า)
ไม่นาน ก็มีเด็กวัยรุ่นตอนต้น-กลางกลุ่มหนึ่งมาปักหลักใกล้ๆ พวกเขา
พร้อมกับเริ่มก่อกวนด้วยวิธีต่างๆ 



การรบกวนของวัยรุ่นกลุ่มนั้นทำให้เจนต้องจนใจยอม...
เขาขอร้องกลายๆ ว่าให้สตีฟพาไปที่อื่น พลางถอนหายใจบ่นใส่เขา
แต่สตีฟกลับไม่คิดยอมความเหมือนเธอ เลยตัดสินใจเดินไปตักเตือน
ผู้ใหญ่ เตือน เด็ก อย่างน้อยก็น่าจะขอโทษขอโพยตามระเบียบกันบ้าง
แต่ไม่ใช่กับ Brett and his friends ซึ่งร้ายกาจกว่านั้นมาก พวกเขาตอบโต้ด้วยวิธีที่แย่
สตีฟก็โมโหไปสิครับ
เจนอยากจะให้สตีฟยอมๆ ความไปซะ แต่สตีฟยืนยันว่าไม่



"ผมจะไม่แพ้เด็ก 12 พวกนี้หรอกนะ" 



การก่อกวนยังไม่สิ้นสุดเมื่อพวกเขากลับไปที่รถเพื่อจะขับไปทานอาหารเช้า
รถถูกเจาะยาง สตีฟหัวเสียอย่างถึงที่สุดพร้อมที่จะเอาเรื่องให้ได้
(ซึ่งถ้าเป็นชีวิตจริงเราคงกลับบ้านไปแล้วนั่นแหละนะ)
พอขับรถเข้าเมือง ร้านอาหารก็เจอคนพูดจาไม่ดีแปลกๆ แต่กลับไม่ฉุกคิดอะไร
ไปเจอบ้านเจ้าหนู Brett โดยบังเอิญ ก็มุ่งเข้าไปเอาเรื่อง 
แต่พอเจอ Brett ใหญ่ (คนพ่อ) เข้ามาพูดจาแบบฉุนเฉียวมาก
ทีนี้แหละสตีฟก็เริ่มกลัวขึ้นมาแล้ว แต่ก็ไม่ได้ถอยกลับ



สตีฟกลับไปที่ทะเลสาบอีกครั้งอย่างไม่เกรงกลัว(?)
รุ่งเช้าต่อมา รถก็ถูกขโมยไป ด้วยความอยากได้ของคืนและอยากแก้แค้น
ทำให้เขาพลั้งมือฆ่า มะหมา ของเด็กกลุ่มนั้นตายไป 



และนั่นคือ จุดเริ่มต้นของ "ของจริง"
ต่อจากนี้จะเป็นสปอยกั๊บบบ




.
.
.








สตีฟ ผู้ใหญ่ที่เป็นผู้ใหญ่ธรรมดา เป็นคนธรรมดา ไม่ได้เหนือไปกว่าเด็กที่ไม่ได้เป็นเด็ก
เบร็ตเลือดเย็นมากพอที่จะต่อกรกับผู้ใหญ่ตัวเท่าสตีฟได้อย่างไม่เกรงกลัว
มีไม้เด็ดสาระพัดมาทำให้ผู้ใหญ่สองคนจนตรอก พร้อมลูกน้องเชื่องๆ เป็นบริวาร



เจน ที่ปูพื้นนิดหน่อยว่าเป็นครู(เด็กเล็ก) แต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย 
ครูอาจจะดุนักเรียนที่อยู่ในการดูแลของตัวเองได้ หรืออาจสั่งสอนเด็กปกติคนอื่นๆ ได้
แต่ไม่ใช่เบร็ต เบร็ตไม่ใช่เด็กธรรมดา



แท้จริงแล้วเขาไม่สามารถสู้เด็กอายุสิบสองพวกนั้นได้ซักนิด
สุดท้ายสิ่งที่ทำได้เหลือเพียง ร้องขอชีวิต กับขอให้แฟนช่วยเท่านั้น
เหลือเพียงร่างที่ถูกแทงจนพรุน เอาตัวรอดไม่ได้ ปกป้องผู้หญิงไม่ได้








บรรยากาศในเรื่องถูกคุมให้ดูมืดจนถึงมืดที่สุด 
จนบางฉากมองเห็นแต่หน้าตัวเองที่สะท้อนจากจอ 555
การไล่ล่า ...อาจจะไม่ได้กระชากลมหายใจทุกวินาที
แต่ก็ตื่นเต้นมากๆ หลายฉาก เอาใจช่วยเจ๊เจน สาวโหดให้หนีรอดมาได้
ถ้าวาดกราฟ ก็คงจะเหมือน หัวใจพองโตขึ้นสูง แล้วร่วงลงมาหดหู่ต่ำสุด
เป็นแบบนี้สลับไปเรื่อยๆ เหมือนคลื่นหัวใจ
ให้ความหวัง แล้วก็ทุบความหวังให้เป็นรอยร้าว แต่ไม่ถึงกับแตกกระจาย
จนกระทั่งถึงฉากสุดท้าย ...ที่ความหวังนั้นได้แตกกระจายลงไปจริงๆ 







เราว่าของจริงไม่ใช่ช่วงเวลาของพระเอก แต่เป็นการหนีของนางเอก
ทุกแผลนางเอก ทุกสัมผัส ทุกกลิ่น ทุกมุมมองการวิ่งหนี
ทำให้เรารู้สึกวิ่งไปกับนางเอกด้วย รู้สึกเหมือนถ้าหยุดก็ต้องตายไปด้วยกันนี่แหละ 555
ระดับความบีบคั้นอาจจะไม่ได้ถึงกับเต็มขีดแต่ก็มากพอที่จะทำให้หายใจไม่ทั่วท้อง
ฉากที่เราว่า หนักจนเราไม่สามารถเปิดตาดูได้ คือฉาก เสี้ยนตำเท้า
กับฉากกระโดดลงไปหลบในถังขยะสด คือดูแล้วเหม็นตามจนแทบอ้วก
ไม่รู้ว่าปัจจัยอะไรที่ทำให้อินได้ขนาดนั้น 







ฉากที่รุนแรงสุดๆ สำหรับเราคือฉากเผา แล้วจับเจ้าหนูอดัม "ยืนยาง" ย่างทั้งเป็น
เธอตัดใจวิ่งหนีไปได้อย่างอาจหาญ เคล้าเสียงร้องแหลมของเด็กที่โดนย่าง
แต่ถึงกระนั้น ...



การหลบหนีของนางเอกก็ยังคงเสมือนหนูติดจั่น ลื่นไหลไปได้พักก็กลับมาปะจระเข้เจ้าเก่า



จนกระทั่ง ฉากที่เธอหนีออกมาโดยการขโมยรถของคุณพี่ชายไปได้
ฉากที่เธอมุดรั้วออกมา จนถึงฉากที่เธอขับมาถึงถนนใหญ่
ดนตรีราวกับฉลองชัย คนดูหลายคนก็คงได้ถอนหายใจยาว
แต่ ...ก็คงมีหลายคนที่เดาได้แหละ (มันดูเดาไม่ยากขนาดนั้น)
ว่าเธอหนีจากจระเข้รุ่นเล็ก มาเจอกับจระเข้ของจริง รุ่นใหญ่



ทีแรกเราก็คิดว่าเหตุการณ์นี้จะเปลี่ยนชีวิตนางเอกไปตลอดกาล
แต่ไม่แหะ ...เพราะสุดท้ายเธอก็ไม่รอดจนได้ 







ความโหดร้ายของตอนจบคือ การให้ความหวัง 
คิดว่ารอดแน่ๆ แล้ว ล้มตัวลงนอนบนพื้นหญ้าด้วยความโล่งใจ
การกระทำที่ เหมือนจะดี ของเหล่าผู้ช่วยเหลือ ...ถูกแปรเปลี่ยน
เธอฆ่าลูกๆ ของพวกเขา



(สาสมดีแล้วว้อยยยยยย :ตรูเองแหละ) 



จนจบ ...
นางเอกไม่ได้รับความยุติธรรมซักนิด
ทำให้เราพาลคิดว่า เด็กมันก็ไม่ได้น่าเอ็นดูขนาดนั้น
คำว่าสถานพินิจมันช่างเบาเหลือเกินเมื่อเทียบกับสิ่งที่ทำ
สถาบันครอบครัวได้ทำลายเด็กพวกนั้นจริง
แต่จะไม่มีสำนึกความเกรงกลัวต่อบาปในใจหน่อยหรือ
ถ้าไม่มี ...โทษแค่นั้นไม่เพียงพอสำหรับพวกหนูหรอกเนาะ 








ไอ้เด็ก Brett หัวโจกตัวร้าย ดวงตาไร้แววเมตตามากๆ 
เด็กที่แสดงคือ เก่งมาก หรือ ร้ายมาก เล่นสะเรากลัวไปเลย
เหล่าวงวานของน้อง ...ก็ดูปกติ มีสำนึก มีความกลัวอยู่ในใจบ้าง
แต่ยัยหนูเพจนี่สิ ยากที่จะเข้าใจเหลือเกิน เพราะแกเล่นมีหน้าเดียว
จนสุดท้าย กว่าเธอจะตัดสินใจรู้สึกกลัว ก็สายไปเสียแล้ว
เจ๊เจนแค้นจนเกินกว่าจะลงมานั่งฟังความในใจหนูก็เลยชนซะกระเด็นไป



เด็กๆ หลายๆ คนน่าสงสาร เพราะต้องทำตามที่เพื่อนสั่ง
ไม่อย่างงั้นก็กลัวเจ็บตัว หนักสุดคือกลัวตาย กลัวเพื่อนของตัวเอง
ที่ตัวไม่ได้ใหญ่กว่าตัวเองซักเท่าไหร่ ฆ่าตายซะ ...มันน่าเศร้านะ 



แต่สุดท้ายแล้ว เรื่องนี้ก็ไม่ใช่โศกนาฏกรรมเด็ก
แต่เป็นโศกนาฏกรรมของ "เจน" โดยแท้ 
อยากจะยืมหนังชื่อ "โชคดีที่ตายก่อน" มาพูดถึง "สตีฟ" จริง



คะแนนเรา 7/10
ชอบฉากจบที่ทำให้เราไม่มองโลกในแง่ดีเกินไป จบแบบเจ็บๆ บ้างก็ดี
เพราะชีวิตมันก็ต้องเจ็บบ้างจริงๆ นั่นแหละ (แต่ไม่ต้องเจ็บขนาดนั้น 555)



แล้วก็ ...ที่ๆ มันแปลกก็อย่าไปเที่ยวกางเต๊นท์นอนแก
คือแบบ ใครดูแลบริเวณนั้น ใครรักษาความปลอดภัย 
อย่าคิดว่าเอาตัวรอดได้ถ้าชีวิตยังไม่เคยเจอของจริงดิ



รักนะ
แคร์ด้วย



your troublemaker
if it has a mistake, apologise to you, reader.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น